การฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ในพื้นที่เกษตรกรรมทิ้งร้างโครงการหลวงหนองหอย

การฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ในพื้นที่เกษตรกรรมทิ้งร้างโครงการหลวงหนองหอย

การทดสอบประสิทธิภาพของการคลุมดินด้วยกระดาษแข็งต่อศักยภาพของต้นกล้า

Language:

ป่าต้นน้ำเปรียบเสมือนหอเก็บน้ำของธรรมชาติ เมื่อพื้นที่เกษตรกรรมบนที่สูงถูกทิ้งร้าง พื้นที่เหล่านี้อาจร้อน แห้งแล้ง และเสี่ยงต่อการพังทลายของหน้าดิน การฟื้นฟูจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน และเครื่องมือนวัตกรรมอย่างการคลุมดินด้วยกระดาษแข็งอาจช่วยให้เราฟื้นฟูธรรมชาติได้รวดเร็วขึ้น

หน่วยวิจัยการฟื้นฟูป่า (FORRU) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย และศูนย์ศึกษาธรรมชาติดอยสุเทพ ได้ทำการริเริ่มโครงการฟื้นฟูป่าในพื้นที่ต้นน้ำที่สูงศูนย์โครงการหลวงหนองหอย ภายใต้งบประมาณสนับสนุนหลักจากโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากนี้ ยังได้รับงบประมาณสนับสนุนเพิ่มเติมจาก SIG โดยได้รับผ่านมูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์ ในขณะที่โรงแรมครอสได้เข้าร่วมและให้ความช่วยเหลือในวันปลูกต้นไม้ โดยที่โครงการรนี้มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูความสมบูรณ์ของระบบนิเวศป่าที่เสื่อมโทรม ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ และสนับสนุนการมีส่วนร่วมจากชุมชนท้องถิ่น นักเรียน และประชาชนทั่วไป พร้อมกันนี้โครงการยังทำหน้าที่เป็นเวทีในการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

โครงการนี้ถือเป็นต้นแบบความร่วมมือข้ามภาคส่วนระหว่างหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการศึกษา โดยบูรณาการการฟื้นฟูป่าตามหลักวิทยาศาสตร์เข้ากับการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อเปลี่ยนภูมิทัศน์ที่เสื่อมโทรมให้กลายเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์จนเกิดเป็นบริการทางนิเวศวิทยาและมีคุณค่าทางสังคม โดยคำนึงถึงมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ

วัตถุประสงค์ของโครงการ

    • เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าดิบเขาที่เสื่อมโทรมซึ่งเดิมใช้เพื่อการเกษตรกรรม จำนวน 10 ไร่ บนพื้นที่ 2 แห่ง ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
    • เพื่อส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพและความยืดหยุ่นทางนิเวศวิทยาภายในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
    • เพื่อปลูกต้นกล้าไม้ 4,000 ต้น และบริหารจัดการพื้นที่อย่างน้อยสองปี เพื่อให้มั่นใจว่าการจัดตั้งพื้นที่จะประสบผลสำเร็จ

การสำรวจชนิดต้นไม้และพื้นที่เป้าหมาย

ก่อนการฟื้นฟูได้มีการสำรวจเพื่อประเมินพื้นที่อย่างรวดเร็วพบว่ามีต้นไม้ที่ส่งเสริมความสามารถในการฟื้นตัวตามธรรมชาติของพื้นที่เพียงไม่กี่ชนิด โดยพบต้นไม้ทั้งหมด 13 ชนิดที่มีความหนาแน่นต่ำ เช่น อะโวคาโด (Persea americana) จันทร์ทอง (Fraxinus floribunda) นางพญาเสือโคร่ง (Prunus cerasoides) มะเดื่อ (Ficus spp) และ ประดู่ (Pterocarpus macrocarpus) ซึ่งเป็นการย้ำถึงสภาพความเสื่อมโทรมของพื้นที่และความจำเป็นในการฟื้นฟูอย่างจริงจัง โดยที่พื้นที่มีระดับความสูงประมาณ 1,240 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ภูมิประเทศยังลาดชัน (มีความลาดชันมากกว่า 30 องศา) และมีร่องรอยของการกัดเซาะและการเสื่อมโทรมของดิน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เปิดโล่ง ปกคลุมไปด้วยหญ้าและวัชพืชสูงเกิน 1-2 เมตรอย่างหนาแน่น และมีต้นกล้าไม้ธรรมชาติน้อยมาก

Planting siteแผนที่แปลงฟื้นฟูโครงการหลวงหนองหอย พื้นที่ 4 ไร่

กลยุทธ์การฟื้นฟู

การฟื้นฟูพื้นที่แห่งนี้ ใช้วิธีการพรรณไม้โครงสร้าง (Framework Species Method) ซึ่งโดยปกติจะปลูกต้นไม้ด้วยความหนาแน่น 500 ต้นต่อไร่ (ด้วยระยะห่างประมาณ 1.8 เมตร) โดยการผสมผสานกันของพันธุ์ไม้ท้องถิ่นหลายชนิด ซึ่งประกอบด้วยชนิดที่โตไวและชนิดที่โตช้า โดยการเลือกชนิดขึ้นอยู่กับความเหมาะสมทางนิเวศวิทยาและพืชพื้นเมือง

หลังจากที่ปลูกต้นไม้แล้ว พื้นที่จะได้รับการดูแลรักษาอย่างน้อยสองปี โดยมีการกำจัดวัชพืชและใส่ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอในช่วงฤดูฝน (ปีละสามครั้ง) เพื่อให้ต้นกล้าสามารถเจริญเติบโต สร้างทรงพุ่ม ซึ่งจะช่วยยับยั้งและจำกัดการเจริญเติบโตของวัชพืช พร้อมทั้งส่งเสริมการฟื้นตัวของป่าตามธรรมชาติในที่สุด

การทดลองภาคสนาม: การทดลองคลุมดินด้วยกระดาษแข็ง

สำหรับแปลงแรก ได้มีการกำหนดพื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับการทดลองทดสอบประสิทธิภาพของต้นกล้าจากการคลุมดินด้วยกระดาษแข็ง โดยมีสมมุติฐานว่าการคลุมดินด้วยกระดาษแข็งน่าจะช่วยลดการแข่งขันของวัชพืชและการสูญเสียความชื้นในดิน ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งในช่วงฤดูแล้ง และอาจจะช่วยเพิ่มอัตราการรอดตายและการเติบโตของต้นกล้าเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมการคลุมดินด้วยลังกระดาษการคลุมดินด้วยลังกระดาษ

ต้นกล้าจำนวน 1,000 ต้น จากทั้งหมด 10 ชนิด ได้ถูกจัดออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่:

  • ชุดทดลอง (500 ต้น): คลุมรอบโคนต้นด้วยลังกระดาษขนาดรัศมี 20 ซม.
  • ชุดควบคุม (500 ต้น): ต้นกล้าที่ปลูกโดยใช้วิธีการปกติ ซึ่งไม่มีการคลุมลังกระดาษรอบโคนต้น

จะมีการติดตามผลของการทดลองนี้เป็นเวลา 2 ปี โดยรวบรวมข้อมูลการเจริญเติบโตและการปกคลุมของวัชพืชเป็นประจำเพื่อประเมินประสิทธิภาพของการคลุมดินในการฟื้นฟูป่าที่สูง

ผลลัพธ์จากการทดลองคลุมดินด้วยกระดาษแข็งจะเป็นข้อมูลการทดลองที่มีค่าเกี่ยวกับวิธีการที่คุ้มต้นทุนและปรับขนาดได้สำหรับการฟื้นฟูป่าในภูมิประเทศที่คล้ายคลึงกันทั่วภาคเหนือของประเทศไทยและพื้นที่อื่นๆ

การปลูกเพื่อเสริมความหลากหลาย

ส่วนที่เหลือของพื้นที่ฟื้นฟูได้ทำการปลูกต้นกล้าเพิ่มอีก 500 ต้นจากพันธุ์ไม้ท้องถิ่นจำนวน 14 ชนิด แม้ว่าจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองอย่างเป็นทางการ แต่พื้นที่นี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพและความซับซ้อนเชิงโครงสร้างตามวิธีพรรณไม้โครงสร้าง