ผลกระทบของระบบการขยายพันธุ์กล้าไม้แบบใช้ลังต้นทุนต่ำต่อประสิทธิภาพในพื้นที่ของพรรณไม้โครงสร้างในการเริ่มต้นฟื้นฟูพื้นที่ป่าเขตร้อนที่ราบต่ำ

Chaiklang, P., S. Elliott, S. Chairunagsri and P. Tiansawat, 2025. Effects of a low-cost crate-based tree-propagation system on the field performance of framework species when initiating lowland tropical forest restoration. Trees, Forests and People, 20: 100862. https://doi.org/10.1016/j.tfp.2025.100862
Contributors
ความต้องการเทคนิคการเพาะกล้าที่มีประสิทธิภาพด้านต้นทุนและสามารถเพิ่มสมรรถนะของต้นไม้ที่ปลูกมีมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากโครงการฟื้นฟูระบบนิเวศป่าไม้ในเขตร้อน เราได้ทดสอบสมมติฐานว่าการเพาะชำต้นไม้ในถุงเพาะกล้า (polybags) ที่จัดวางในลังพลาสติกสามารถส่งเสริมการตัดแตกรากด้วยอากาศ (air root-pruning) ซึ่งช่วยกระตุ้นการพัฒนาระบบรากและเพิ่มสมรรถนะของต้นไม้ในปีแรกที่ปลูกเพื่อฟื้นฟูป่าร้อนชื้น การทดลองนี้ใช้ต้นไม้กรอบ (framework tree species) จำนวน 5 ชนิด (ชนิดที่มีบทบาทกระตุ้นการฟื้นฟูระบบนิเวศป่าไม้) เพาะในเรือนเพาะชำขนาดเล็กทางภาคใต้ของประเทศไทย โดยเปรียบเทียบระหว่าง 1) กล้าไม้ในถุงเพาะที่จัดเรียงในลังวางบนพื้นดิน (COG), 2) กล้าไม้ในถุงเพาะที่จัดเรียงในลังและยกสูงบนตะแกรง (COB), และ 3) กลุ่มควบคุม คือ ถุงเพาะที่วางบนพื้นดินโดยไม่จัดเรียงในลัง (CON)
การเจริญเติบโตและอัตรารอดของกล้าไม้ถูกบันทึกรายเดือนเป็นเวลา 358 วัน หลังจากนั้นมีการชั่งน้ำหนักแห้งของรากและประเมินโครงสร้างระบบราก ก่อนที่จะนำกล้าไปปลูกในแปลงฟื้นฟู และติดตามการรอดตายและการเจริญเติบโตในฤดูปลูกแรก ผลการทดลองในเรือนเพาะชำพบว่าการจัดวางในลังช่วยลดอัตราส่วนระหว่างส่วนเหนือดินต่อราก (shoot:root ratio) ลงอย่างมีนัยสำคัญ (โดยเฉลี่ยลดลง 59.4% ในกรณี COG) ส่วนผลการปลูกภาคสนามพบว่าการจัดวางในลังสามารถเพิ่มการเจริญเติบโตด้านความสูงของแทบทุกชนิดได้มากถึง 71.0% และการขยายของทรงพุ่มได้มากถึง 32.5% การจัดวางทั้งใน COB และ COG สามารถเพิ่มค่าดัชนีสมรรถนะของกล้าไม้ (การเจริญเติบโตรวมกับการรอดตาย ทุกชนิดรวมกัน) จากค่า 56.5 ในกลุ่มควบคุม เพิ่มเป็น 81.8 และ 82.6 ตามลำดับ (P = 0.017 และ 0.005) โดยที่ COG เป็นวิธีที่มีความคุ้มค่าด้านต้นทุนมากที่สุด (ลดต้นทุนได้ประมาณ 0.04-0.05 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อต้นกล้าหนึ่งต้น) ดังนั้นการจัดวางในลังจึงเป็นวิธีที่ควรแนะนำสำหรับการผลิตกล้าไม้เพื่อการฟื้นฟูป่า และมีศักยภาพที่จะนำไปใช้ในระบบวนเกษตร ป่าชุมชน และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ ระบบนี้ยังเป็นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ทั่วไป (ลังพลาสติกที่ถูกทิ้ง) ซึ่งถือเป็นแนวทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าการนำเข้าภาชนะเพาะชำที่ผลิตขึ้นโดยเฉพาะ (root trainers)




